อุกอาจ หนุ่มบุกฉุดเมียคนอื่นขึ้นบิ๊กไบค์ต่อหน้าชาวบ้าน

อุกอาจ หนุ่มบุกฉุดเมียคนอื่นขึ้นบิ๊กไบค์ต่อหน้าชาวบ้าน

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2563 ผู้สื่อข่าว siamtoday ได้รับรายงานว่า คลิปภาพวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์ชายคนหนึ่งขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์เข้ามาจอดหน้าร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ย่านชุมชนบ้านท่อ ต.ป่าตัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ก่อนจะเดินเข้าไปในร้านขายของชำที่อยู่ติดกันเพื่อไปคุยกับหญิงสาวภรรยาเจ้าของร้าน

ผ่านไปเกือบ 10 นาที ชายคนดังกล่าวได้ฉุดหญิงสาวออกมาจากร้านแล้วดึงขึ้นรถจักรยานยนต์ก่อนจะนั่งประกบขี่ด้านหลัง ขณะที่ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงได้เข้ามาช่วยเหลือ เนื่องจากฝ่ายหญิงร้องตะโกนไม่ยอมไปกับชายคนดังกล่าว แต่สุดท้ายชายหนุ่มรายนี้ก็พาหญิงสาวขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 13.30 น. ของวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

หลังเกิดเหตุ นายวิรัตน์ อายุ 44 ปี เจ้าของร้านขายของชำ และเป็นสามีของ นางหยก อายุ 38 ปี สัญชาติไทใหญ่ ที่ถูกฉุดไป ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ช้างเผือกเพื่อให้ติดตามตัว นายอ่องยุ่น ชายหนุ่มที่ฉุดภรรยาตนเองไปจากร้านกลางวันแสกๆ ทีมข่าวข่าวช่องวัน31 ลงพื้นที่ไปยังร้านขายของชำดังกล่าวพบกับ นายวิรัตน์ สามีของ นางหยกนั่งขายของอยู่ในร้าน นายวิรัตน์ เล่าว่าตนเองกับนางหยกอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยาแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสมานานกว่า 10ปี โดยต่างฝ่ายต่างก็มีลูกติดมา

นอกจากนางหยกแล้วตนเองยังดูแลแม่และน้องชายของ นางหยก ด้วย ก่อนเกิดเหตุเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงลอยกระทงตนจับได้ว่า นางหยก แอบคุยกับชายคนหนึ่ง เพราะเห็นข้อความในแช็ตของเฟซบุ๊กนางหยกที่ นายอ่องยุ่น ส่งมาหาพร้อมภาพถ่ายคู่แนบชิดกัน ตนเองจึงพูดกับภรรยาจนทราบว่า ทั้งสองรู้จักกันทางเฟซบุ๊กและติดต่อแอบคบหากันมานานกว่า 3 เดือนแล้ว ตนเองจึงขอร้องให้ภรรยาเลิก ซึ่งภรรยาก็รับปากว่าจะเลิก

แต่ปรากฏว่าช่วงบ่ายของวานนี้ขณะตนไปซื้อของที่ตลาดเมืองใหม่ นายอ่องยุ่น ได้ขี่รถจักรยานยนต์มาหาและฉุดภรรยาตนเองไปต่อหน้าต่อตาชาวบ้านตนพยายามติดต่อไปทางมือถือของ นายอ่องยุ่น รวมทั้งส่งข้อความไปทางเฟซบุ๊กนายอ่องยุ่นได้ส่งข้อความเสียงมาข่มขู่ตนเองสารพัด ก่อนจะบล็อกเฟซบุ๊กไป ห่วงภรรยามากไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรเพราะหายไปทั้งคืนจนขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้ส่วนแม่และน้องชายของภรรยาที่อยู่กับตนเองก็เป็นห่วง นางหยกโดยเฉพาะแม่กินไม่ได้นอนไม่หลับ กลัวจะได้รับอันตราย

ตนอยากฝากถึง นางหยก และ นายอ่องยุ่นอยากให้ติดต่อมาพูดคุยกัน ตนเองเป็นลูกผู้ชายพอ หาก นางหยก ไม่รักและไม่อยากอยู่ด้วยกันแล้วก็พร้อมจะปล่อยมือแต่ก็ยังจะดูแลแม่ของ นางหยก อยู่เช่นเดิมเพราะอยู่ด้วยกันมานานแล้วส่วนคดีขณะนี้ตำรวจได้ลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น เนื่องจาก นางหยก บรรลุนิติภาวะแล้วและตนเองไม่ใช่สามีที่จดทะเบียนสมรส แต่หากครบ 24 ชั่วโมงอาจจะพาแม่และน้องชายของนางหยกไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับ นายอ่องยุ่น ต่อไป

พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผู้กำกับการ สภ.ช้างเผือก กล่าวว่า นายวิรัตน์ ได้เดินทางมาลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น เพราะเป็นสามีที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสจึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ตำรวจจึงเตรียมประสานญาติของ นางหยก มาแจ้งความอีกครั้ง เพื่อจะได้ดำเนินการสืบสวนและติดตามตัวนายอ่องยุ่นและ นางหยก มาสอบสวนและดำเนินคดีต่อไป เนื่องจากขณะนี้ตำรวจยังไม่มีเบาะแสของ นายอ่องยุ่น ผู้ก่อเหตุ

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ