หนุ่มจุกอก ขอไปดูใจพ่อ แต่ผู้จัดการไม่ให้ ขอร้องซ้ำๆจนอดลาครั้งสุดท้าย แถมยังโดนไล่ออก

หนุ่มจุกอก ขอไปดูใจพ่อ แต่ผู้จัดการไม่ให้ ขอร้องซ้ำๆจนอดลาครั้งสุดท้าย แถมยังโดนไล่ออก

เว็บไซต์มาเธอร์ชิป รายงานเรื่องราวสะเทือนใจจากสิงคโปร์ โดยพนักงานบริษัทคนหนึ่ง มีความจำเป็นต้องไปดูใจคุณพ่อ แต่หัวหน้าไม่ยอมให้หยุดงาน เพราะเห็นว่างานสำคัญกว่า แม้จะขอร้องถึง 3 ครั้ง ก็ถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดี แถมยังพูดจาไร้หัวใจใส่ จนสุดท้าย เขาไม่สามารถลาพ่อเป็นครั้งสุดท้ายได้ทัน..

เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2562 แต่เจ้าของเรื่องเพิ่งนำมาโพสต์แชร์ลงบนกลุ่มเฟซบุ๊กเมื่อเร็ว ๆ นี้ เพราะหลังจากเก็บเงียบและเก็บความรู้สึกมานาน เขาคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะแชร์เรื่องนี้ให้สังคมได้รับรู้กับสิ่งที่ทรมานใจเขามานานเกือบปี

ซายเอ็ด อาหมัด ทำงานที่บริษัทด้านการเงินชื่อดังแห่งหนึ่ง ในย่านธุรกิจ โดยพ่อของเขาป่วยเป็นโรคร้าย อาการค่อนข้างหนัก และรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลระดับแนวหน้าของสิงคโปร์

ในวันเกิดเหตุ เวลา 09.40 น. แพทย์เจ้าของไข้ ได้โทร. มาหาซายเอ็ด แจ้งว่าพ่อของเขาอาการทรุดหนัก ไม่ตอบสนอง และใกล้หมดลมหายใจแล้ว ขอให้รีบมาที่โรงพยาบาลโดยทันที ซายเอ็ดจึงแจ้งหัวหน้าไปตามจริง แต่ได้รับคำตอบว่าเขาจะเลิกงานได้ในเวลา 16.00 น. เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการสั่งให้ซายเอ็ดให้เคลียร์งานทั้งหมดที่ได้รับมอบหมาย ต่อมาในเวลา 10.30 น. โรงพยาบาลแจ้งว่าพวกเขาได้เริ่มกระบวนการกู้ชีวิตพ่อของซายเอ็ดแล้ว เขาจึงรีบโทร. บอกให้แม่ไปดูพ่อทันที และรีบวิ่งไปบอกผู้จัดการ แต่โดนสั่งให้ทำงานต่อไป กระทั่งเวลา 11.30 น. ซายเอ็ดคุยกับผู้จัดการอีกครั้ง กล่าวว่าเขาไปต้องหาแม่ที่รออยู่ที่โรงพยาบาล

แทนที่จะได้รับการอนุมัติ เขาได้รับการตอบกลับมาว่า "ไม่เห็นว่าแม่ของคุณจะดูเป็นห่วงเป็นใยอาการพ่อคุณสักเท่าไหร่เลยนี่" เพราะแม่ของซายเอ็ดไม่ได้ไปโรงพยาบาลตั้งแต่แรก มีแต่เขาคนเดียวที่ร้อนรนอยู่คนเดียว

ซายเอ็ดจึงแจ้งว่าเรื่องนั้นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาจำเป็นต้องไปโรงพยาบาลในตอนนี้ เพราะพ่อสามารถสิ้นใจได้ทุกเมื่อ ไม่รู้ว่าหมอจะยื้อไว้ได้นานแค่ไหน โดยหลังจากอธิบายแล้วอธิบายอีก และขอร้อง ในที่สุดผู้จัดการก็ปล่อย ๆ ให้ซายเอ็ดไปตามคำขอ

เขารีบไปอย่างด่วนที่สุด แต่ในเวลา 11.42 น. ระหว่างทางที่ไปโรงพยาบาล ทางแพทย์ได้โทร. มาแจ้งซายเอ็ดว่าพ่อของเขาเสียชีวิตแล้ว ซายเอ็ดไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ไหว เพราะนอกจากจะไปดูใจพ่อไม่ทันแล้ว เขายังไม่สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อเป็นครั้งสุดท้ายได้

โดยตอนที่พ่อของซายเอ็ดเข้าโรงพยาบาล ท่านจึงบอกลูกชายคนเดียวว่า ถ้าหากว่าอาการหนัก หรือจะตาย ขอให้มาอยู่ข้างเตียงพ่อในช่วงเวลาสุดท้าย ขอให้คอยกระซิบคุยกับพ่อ และสวดมนต์ให้พ่อได้ยิน จนถึงวินาทีที่พ่อสิ้นลม

ซายเอ็ดเล่าว่า เขาเป็นคนเดียวที่คอยดูแลพ่อมาโดยตลอด ซึ่งในช่วงระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่พ่อเข้าโรงพยาบาล ซายเอ็ดต้องลางานหลายวันเพื่อไปดูพ่อ เขามีเอกสารลงนามโดยแพทย์ถึงเหตุที่จำเป็นว่าต้องหยุดงาน และได้ยื่นให้ทั้งผู้จัดการกับฝ่ายบุคคลได้รับรู้นานแล้ว

แต่ทว่า หลังจากพ่อเสียชีวิตไปได้ 1 สัปดาห์ ซายเอ็ดก็ได้รับหนังสือแจ้งไล่ออกจากบริษัท เพราะผู้จัดการแจ้งไปยังฝ่ายบุคคลว่าเขาขาดงานหลายวัน โดยไม่ได้รับอนุญาต

ซายเอ็ดยินยอมรับหนังสือไล่ออก และเก็บข้าวของจากบริษัทซึ่งทำงานมานาน 5 ปี เขาตั้งคำถามว่า ถ้าบริษัทจะไล่เขาออกเพราะขาดงาน ทำไมไม่ไล่ตั้งแต่ช่วงที่เวลาหยุดออกไปดูแลพ่อ แต่กลับมาให้ออกหลังจากพ่อเสียไปแล้ว 1 อาทิตย์ จนกลับมาทำงานตามปกติแล้ว คำตอบทั้งก็คือผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือผู้จัดการของเขา ซึ่งเขากล่าวว่าจะไม่มีวันให้อภัยอย่างเด็ดขาด

หลังจากโพสต์เผยแพร่ออกไป ชาวโซเชียลก็ได้เข้ามาแสดงความเสียใจกับซายเอ็ด และวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของผู้จัดการที่ไร้หัวใจและไร้ความเป็นมนุษย์

ด้านผู้สื่อข่าวของมาเธอร์ชิปก็ได้ติดต่อไปยังบริษัทแม่ของบริษัทที่ซายเอ็ดทำงาน ซึ่งก็ได้รับทราบว่า ทางบริษัทได้ส่งหนังสือขอโทษอย่างเป็นทางการไปถึงซายเอ็ด และได้เข้าไปขอโทษแบบตัวต่อตัวแล้ว เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

โฆษกบริษัทแม่แจ้งว่า ทางหัวหน้าหรือผู้จัดการที่รับรู้ว่าพนักงานมีพ่อแม่เจ็บป่วยที่ต้องดูแล ควรให้ความสำคัญและมีความเข้าอกเข้าใจ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน โดยเฉพาะกับพนักงานที่มีคนในครอบครัวกำลังจะเสียชีวิต และทั้งสองฝ่ายควรมีการพูดคุยกันตั้งแต่ต้นเพื่อความเข้าใจถึงสถานการณ์ลักษณะนี้ เพราะความมีมนุษยธรรมก็เป็นเรื่องสำคัญ

พร้อมทิ้งท้ายว่า จากนี้จะต้องมีช่องทางในการร้องเรียนที่เหมาะสม เพื่อให้พนักงานสามารถแจ้งถึงปัญหาได้อย่างสะดวกใจ และให้ปัญหาได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้มีเรื่องเศร้าแบบนี้เกิดขึ้นอีก

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ