วิธีทดสอบหยกแท้-หยกเทียม

วิธีทดสอบหยกแท้-หยกเทียม

หยก เป็นหินแร่ที่มีราคาสูงและนิยมใช้ทำเป็นเครื่องประดับและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เช่น กำไล แหวน หรือแม้พระพุทธรูป หยกเป็นแร่ที่หายากและราคาแพง จึงมีผู้คิดค้นการทำเลียนแบบขึ้นจากวัสดุต่างๆ การจะสังเกตว่าอันไหนเป็นหยกปลอมหรือหยกแท้นั้นมีอะไรบ้าง มาดูกัน

Image by Freepik

1. เคาะหยกเพื่อฟังเสียง

นำหยกมาเคาะกันดู หากเป็นหยกแท้นั้นจะมีเสียงดังกังวานเสนาะหู แต่ถ้าเป็นหยกปลอมนั้นจะออกเสียงทึบๆ ไม่ใสเท่าที่ควร ข้อแนะนำสำหรับวิธีนี้คือ ไม่ควรเคาะแรงจนเกินไป เพราะอาจทำให้เนื้อหยกนั้นแตกหรือบิ่นได้

2. รู้สึกเย็นเมื่อสัมผัส

ธรรมชาติของหยกนั้นมักจะมีเนื้อสัมผัสที่เย็น ดังนั้นเมื่อต้องการพิสูจน์ว่าเป็นหยกแท้หรือไม่ ควรนำมาวางไว้ในมือหรือกำไว้สักครู่ หากเนื้อหยกมีสัมผัสที่ไม่เย็น ให้ตีไว้ก่อนว่าเป็นของปลอม แต่วิธีนี้ก็ไม่แม่นยำเท่าไหร่นัก เพราะหยกก็คือหิน ที่สามารถเก็บความเย็นจากอุณหภูมิรอบตัวได้เท่านั้นเอง

3. ใช้แสงไฟพิสูจน์

ให้นำหยกขึ้นส่องดูกับไฟ ซึ่งโดยธรรมชาติเนื้อหยกจะดูใสและสามารถส่องผ่านทะลุโดยแสงไฟได้ แต่ของปลอมส่วนมากนั้นเนื้อจะทึบ ไฟที่ส่องผ่านนั้น ไม่สามารถทะลุได้ แต่ในสมัยนี้มีกรรมวิธีการปลอมแปลงที่เหนือชั้นมากขึ้น หยกปลอมบางชิ้นอาจจะมีลักษณะโปร่งแสง ให้ดูด้วยการใช้กล้องส่องพลอยจะสามารถมองเห็นเนื้อหยกได้ชัดมาก และเปรียบเทียบได้ง่ายขึ้น

Image by Freepik

4. ทดสอบกับกระจก

นำหยกไปขูดกับกระจก ทั้งนี้เนื้อหยกนั้นจะมีลักษณะแข็งมาก ให้ทดลองดูว่านำไปขูดกับกระจกแล้วจะเป็นรอยหรือไม่ ถ้าเป็นแสดงว่าหยกแท้ แต่ถ้าไม่มีรอยหรือเกิดรอยไม่สม่ำเสมอนั้น ให้ตีความว่าเป็นหยกปลอมได้เลย แต่ข้อควรระวัง ไม่ควรขูดแรงจนเกินไป เพราะกระจกจะแตกได้

5. ทดสอบกับเส้นผม

นำเส้นผมมาพันกับหยก แล้วจุดไฟลนที่หยก วิธีนี้ฮิตกันมากครับ เพราะสามารถทำได้ง่ายและร้านขายหยกส่วนใหญ่นั้นยอมให้ทดลองด้วยวิธีนี้ได้ ซึ่งถ้าลนไฟแล้วหยกร้อนขึ้น แต่เส้นผมไม่เป็นอะไร นี่คือหยกแท้ แต่ถ้าเส้นผมเกินไหม้ให้ตีความว่าหยกปลอมได้เลย

แต่วิธีการที่จะดูหยกแท้หรือปลอมนั้น ไม่มีวิธีไหนที่ได้ผล 100% เพราะของปลอมในสมัยนี้ปลอมได้เหมือนของจริงมากๆ ดังนั้นหากจะให้มั่นใจที่สุดก็ควรสอบถามหรือหาข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญที่ไว้ใจได้จะดีที่สุด แต่เบื้อต้น หากตรวจสอบด้วยตัวเองแล้วไม่ตรง ก็น่าจะช่วยกรองได้เบื้องต้น

Image by Freepik

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ