พะพาย รมิดา เผยแพลนอนาคต ไม่คิดอยู่ไทย

พะพาย รมิดา เผยแพลนอนาคต ไม่คิดอยู่ไทย

เป็นอีกหนึ่งนางเอกสาวสวยและขึ้นแท่นลูกรักอีกคนของช่อง 7 ไปเรียบร้อยสำหรับ “พะพาย รมิดา ธีรพัฒน์” ที่ตอนนี้กำลังมาแรงมีผลงานละครเรื่อง กรงน้ำผึ้ง เล่นประกบคู่กับพระเอกตัวพ่ออย่าง เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ โดยเราจะเห็นฝีมือการแสดงของน้องพะพายที่ทำหลายคนตะลึงและยกใจให้ไปเต็มๆ

ล่าสุด พะพาย ได้เปิดใจถึงเรื่องราวชีวิตตัวเองที่หลายคนไม่เคยรู้ว่าตอนนี้ พะพายมีแพลนอยากจะไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ คิดว่าจะไปเรียนสายธุรกิจหรือไม่ก็ออกแบบ และอาจจะหาอะไรที่ทำควบคู่ไปกับงานแสดงได้ ยังไม่แน่ใจเลยว่าน่าจะได้ไปช่วงไหน แต่คงไม่เกิน 1-2 ปีนี้ เพราะอายุก็ 25 แล้ว ไม่อยากไปตอนที่แก่ไปมากกว่านี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังเป็นแพลนคร่าวๆ เพราะต้องดูจังหวะชีวิตด้วยว่าไปแล้วกระแสจะตกหรือเปล่า หรือไปช่วงไหนดี เพราะมันมีหลายเรื่องให้คิดว่ามันคุ้มไหมที่จะไป ต้องเลือกเลยค่ะว่าเราจะเอายังไงพูดถึงเรื่องธุรกิจคงเป็นเรื่องของการค้าขายมากกว่า ที่อยากทำเพราะมองว่าในอนาคตเราต้องมีอะไรที่รองรับตัวเราไว้ด้วย เพราะเราก็คงไม่สามารถเป็นนางเอกไปได้ตลอดกาล เราก็ต้องมีอะไรอย่างอื่นที่ให้ทำด้วย เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมาหรือเราอาจจะไม่ได้มีโอกาสทำตรงนี้แล้ว เราจะได้มีอย่างอื่นทำด้วย

พระพาย รมิดา เป็นนักแสดงสาวที่น่าจับตามองมากๆ นอกจากเรื่องการแสดงที่ทำให้แฟนๆ ชื่นชมผลงานของเธอแล้ว ชีวิตส่วนตัวของเธอก็ยังเรียกว่าน่าสนใจ พระพาย มีชื่อจริงว่า รมิดา ธีรพัฒน์ เกิดวันที่ 6 เมษายน 2540 ภูมิลำเนาเป็นคนกรุงเทพมหานคร ส่วนสูง 166 เซนติเมตร พระพาย รมิดา เรียกว่าเป็นสาวกิจกรรมมาตั้งแต่เธอยังเป็นนักเรียน และยังเคยเป็นดรัมเมเยอร์ของโรงเรียน มาแล้ว ซึ่งความน่ารักและโดดเด่นของเธอก็เลยทำให้เธอได้มีโอกาสได้ทำงานต่างๆ ในเส้นทางบันเทิง อย่างการถ่ายแบบ ตลอดจนถึงเล่นมิวสิกวิดีโอ และนั่นคือการเปิดประตูสู่วงการนักแสดงอย่างเต็มตัว เริ่มจากเป็นผู้ประกาศแจ้งรายการ ก่อนที่จะพัฒนาฝีมือจนกลายเป็นนักแสดงแบบเต็มตัว โดยในช่วงแรกที่เธอเป็นนักแสดงนั้นเธอรับเล่นละคร ปีละ 1 เรื่อง เส้นทางสู่วงการบันเทิงของ พระพาย รมิดา ในช่วงที่พระพายเรียนอยู่ชั้น ม.6 มีโอกาสได้ไปถ่ายคอลัมน์ เด็กดีไอดอล ซึ่งถือเป็นการเบิกทางให้พระพายเป็นที่รู้จักมากขึ้น จนได้ไปแคสต์เป็นผู้ประกาศคั่นรายการของทางช่อง 7 และได้เล่นมิวสิกวิดีโอ

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ siamtoday.com

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ