น้องหยก มกจ๊ก อดีตนักแสดงตลกดาวรุ่ง

น้องหยก มกจ๊ก อดีตนักแสดงตลกดาวรุ่ง

ยังจำเธอได้ไหมกับอดีตนักแสดงตลกรุ่นเล็กที่หายหน้าหายตาจากวงการบันเทิงไปนานนับ 16 ปี อย่างนักแสดงตลกรุ่นเล็ก น้องหยก มกจ๊ก โดยน้องหยกได้เริ่มเข้าสู่วงการเพราะอาเฟือ มกจ๊ก ซึ่งเป็นญาติกัน เห็นน้องพี น้องอีกคนเล่นตลกได้ก็เลยเอาหลานมาเล่นบ้าง

จากนั้นพอโตขึ้นก็ทำงานมาตลอด จนมาเป็นที่รู้จักงานเยอะมากขึ้น ตอนที่ได้ไปแสดงภาพยนต์ช้างเพื่อนแก้ว โดยหยกเล่าว่า คุณแม่จากไปตั้งแต่เรียน ม.3 สถานะการเงินบ้าน ณ ตอนนั้น ทำให้ตัดสินใจเรียนจบแค่ ม.6 เพื่อให้น้อง 2 คนได้เรียนต่อนั้นเอง

พ่อเปิดร้านรับซื้อของเก่าแต่หลังจากที่แม่จากไปชีวิตพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือตอนช่วงม.5 ม.6 ตอนนั้นอยู่ชลบุรี ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง ก็เลยต้องใช้แบตเตอรี่ ใช้ตะเกียง เป็นแบบนี้มา 2 ปี ต่อมาพ่อก็มีครอบครัวใหม่หยกก็เลยตัดสินใจย้ายไปอยู่กับพี่ที่ จ.เลย แล้วก็ย้ายมาโคราช ย้ายไปชลบุรี ย้ายไปย้ายมาอยู่แบบนั้น

และตนนั้นก็ได้ออกมาทำงานดูแลตัวเอง เพื่อไม่เป็นภาระให้กับพ่อโดยยึดอาชีพนักร้องในสถานบันเทิงตอนกลางคืน เพราะสาเหตุนี้เลยทำให้มีข่าวลือว่าเธอนั้นขายกิน แต่ก็ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง

เธอยังเล่าอีกว่า เริ่มเล่นตลกตั้งแต่อนุบาล 3 ตอนนั้นอยู่บ้านญาติ เพราะอาเห็นแววในตัว อาเฟือก็คิดนะน้องอะไรตัวแค่นี้ ปกติแล้วน้องอนุบาลไม่ค่อยให้คนแปลกหน้าให้เห็น พอมาถึง นี่ก็วิ่งเปิดประตูน้องหยกก็ทักทาย อาเกมส์สวัสดีค่ะ ก็เลยให้น้องเก็บกระเป๋าแล้วเดินมาที่กรุงเทพฯ

ซึ่งการแสดงครั้งแรกของน้อง เล่นธรรมชาติมาก หยกก็ขึ้นไปเล่น เล่นผิดมุกบ้างตั้งแต่นั้นมาน้องหยกก็เริ่มมีชื่อเสียง ส่วนสาเหตุที่ต้องห่างหายไปจากวงการบันเทิง เธอยอมรับว่าตลกคาเฟ่ไม่ได้บูมเหมือนแต่ก่อน

อายุน้อยกว่า 18 ห้ามเข้า ปิดเที่ยงคืน ประกอบกับตนเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ จะไปเล่นมุกเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว เพราะเธอเป็นผู้หญิงอีกด้วย แต่หลังจากที่เริ่มโตขึ้นงานก็เริ่มน้อยลง ก็เริ่มหันไปทำงานอย่างอื่น ทำงานหลากหลายมากขึ้น

บางทีเต้นแล้วก็ร้องเพลง แล้วบางทีลูกค้าก็บอกว่านั่นไง น้องหยกที่เล่นหนัง ช้างเพื่อนแก้ว มันก็รู้สึกจุ กนิดนึง จากที่เราเคยขึ้นไปมีชื่อเสียง มีเงิน มีทอง แล้วอยู่ดีๆ เรามาอยู่ในจุดจุดนี้ได้ยังไงกันแต่ตนก็ไม่ได้คิดอะไร

ตอนที่เธอมีชื่อเสียง ก็เริ่มหลงระเริงไปกับชื่อเสียงเงินทอง ทำงานเพียง 2 เดือน ได้เงินเกือบล้าน ทั้งร้องเพลง มีคนมาเอ็นดู มีแฟนด้วย ดวงกำลังขึ้นตอนนั้นก็มีคนมาเอ็นดู คล้องพวงมาลัยให้ทุกวัน วันละ3-4 หมื่นบาท

ช่วงนั้นติดเพื่อน แล้วก็มีเลี้ยงเพื่อนอยู่บ่อยๆ จนไม่คิดถึงอนาคตของตัวเองเลยและก็มีค่ายเพลงติดต่อมาแล้วก็ไปออกอัลบั้มด้วยกันกับเขาแต่เพราะความไม่คิดถึงอนาคตตัวเองและคิดว่ามีเงินมีทองอยู่แล้วไม่ต้องดิ้นรนอะไรมาก

เพราะคิดว่าวงการบันเทิงมันไม่ใช่ของเราอยู่แล้ว ไม่คิดว่าเวลาป่ วย ต้องมีเงินตอนมีเงินก็ไม่เคยกลับบ้านด้วยหมดเงินไปกับการเลี้ยงเพื่อน เวลาอยากใช้อะไรก็ใช้ ช่วงนั้นก็เริ่มเ สพ ด้วยแต่ไม่ได้ติดเพราะนานๆเจอเพื่อนที เฮฮาปาร์ตี้ แต่อาทิตย์นึงก็เที่ยวบ่อยเหมือนกัน แล้วเราก็ใช้ชีวิตแบบนี้มาตลอด

มาคิดได้ตอนพ่อถามว่ามีเงินไหมยืมเงินหน่อย มาจ่ายค่างวดรถ แค่หมื่นเดียวเราก็บอกไม่มี แต่กับเพื่อนก็ให้ยืม สิ่งนี้เป็นจุดทำให้เริ่มคิดได้ รู้สึกผิ ดมาตลอด สุดท้ายก็ไปพักใ จ ที่บ้านกับครอบครัว

มันทำให้คิดได้ว่าสิ่งสำคัญคือครอบครัวหลังจากนั้นก็ตั ด ขา ดจากทุกอย่างที่ไม่ดีทิ้ งไปหมด ช่วงนั้นก็หมดกับค่ารัก ษ าตัวเองด้วย มีเงินก็รัก ษ าตัวเองหมดเลย เราคิดถึงงานในวงการบันเทิงมากและฝันอยากเป็นนักร้อง

ทุกวันนี้ก็มีหลายคนเข้ามาทัก เข้ามาถามหาอยากเห็นผลงานอยากกลับเข้าวงการแต่ด้วยเหตุผลหลายอย่าง หรืออาจจะติดต่อยากด้วย ก็อยากเรียนผู้ใหญ่หากเห็นว่าเหมาะสม หรืออยากให้โอกาสก็ยินดีมาก

ส่วนเรื่องชีวิตรักนั้น สาวหยกคนนี้ก็เผยว่า มีคนที่คุยด้วยกันอยู่ ดูและกันดีส่วนตัวชอบผู้ใหญ่ และไม่ได้ชอบคนรวยและมีเงิน ส่วนตัวไม่ได้ชอบใช้ชีวิตโดยมีผู้ชายหาเลี้ยง ชอบแบบสร้างด้วยกันมากกว่า ช่วยกันหาดีกว่า เพราะทำอะไรเองได้อยู่แล้ว ก็ขอแค่ช่วยกันเท่านั้น รวมไปถึงเวลาที่เจอปัญหาก็อยากที่จะเดินหน้าไปด้วยกันเจอ ช่วยกันแก้

ขอบคุณ หยก มกจ๊ก

เรียบเรียง siamtoday

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ